ปลดหนี้อย่างถูกวิธีต้องคลินิกแก้หนี้
หากจะให้เปรียบเทียบการเป็นหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ หนี้ในระบบหรือหนี้ที่เกิดจากบัตรเครดิตก็อาจเป็นเหมือนกับโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตนเอง ต้องพึ่งหมอและโรงพยาบาลในการรักษาโรคให้บรรเทาทุเลาเบาบางลง การเป็นหนี้ก็เหมือนกันคงไม่มีใครอยากมีหนี้แต่ถ้าหากจำเป็นต้องมีแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเหล่านั้นได้ด้วยตนเองคลินิกแก้หนี้จึงเป็นทางออกสำคัญที่จะทำให้คุณได้พบกับทางด่วนแก้หนี้ที่ช่วยให้คุณหมดหนี้ที่สร้างมาได้ แถมยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับหนี้โดยเฉพาะและยังได้แนวทางในการวางแผนการใช้จ่ายเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นหนี้อีก
คนที่มีหนี้ทุกคนสมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ใช่หรือไม่ ?
ถึงแม้ว่าการสมัครโครงการคลินิกแก้หนี้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับสมาชิก แต่ทางคลินิกแก้หนี้ก็ได้ตั้งหลักเกณฑ์ของผู้เข้าร่วมโครงการไว้ดังต่อไปนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาหนี้สินต่าง ๆ เกิดผลที่ดีที่สุด
- เป็นคนที่มีสัญชาติไทยและต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี นับถึงวันที่สมัครคลินิกแก้หนี้
- มีรายได้ที่ประจำ ซึ่งเมื่อหักลบกับรายจ่ายประจำแล้วเหลือพอที่จะนำไปใช้ในการอย่างอื่นได้
- หนี้ที่คุณมี ต้องอยู่ในกลุ่มที่สามารถแก้หนี้ได้ เช่น เป็นหนี้ที่เกิดจากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะประเภทที่ไม่มีหลักค้ำประกันเท่านั้นและจะหนี้ที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นหนี้ของสถาบันทางการเงินที่ได้ร่วมมือสมัครโครงการคลินิกแก้หนี้เท่านั้น
- หนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ที่เกิดจากช่องทางที่ได้กล่าวไปรวมทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 2,000,000 บาท หากมีหนี้มากกว่าที่ตกลงกันไว้อาจมีการพิจารณาเป็นกรณีตามความเหมาะสม
- หากเป็นหนี้เสียหรือ NLP ต้องไม่เกินวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เท่านั้น และต้องมีการค้างชำระตั้งแต่ 90 วันแต่ไม่เกิน 120 วัน
หากตรวจสอบแล้วว่าหนี้ที่คุณมีอยู่นั้นเป็นไปตามข้อตกลงสำหรับสมัครคลินิกแก้หนี้ได้ คุณก็สามารถลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมในโครงการได้ แต่หากมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนด สามารถขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่แบบ case by case ได้
เช็คเลยสถาบันการเงินใดบ้างที่เป็นเครือข่ายของคลินิกแก้หนี้
สถาบันทางการเงินที่เข้าร่วมโครงการทางด่วนแก้หนี้มีทั้งสถาบันทางการเงินของรัฐ เอกชน ในระบบ นอกระบบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องการช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ หนี้ในระบบ หนี้บัตรเครดิตและหนี้อื่น ๆ ตามหลักเกณฑ์ ซึ่งสถาบันเหล่านั้นมีดังนี้
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคาร CIMB
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารธนชาติ
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารทหารไทย
- ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์
- ธนาคารเกียรตินาคิน
- ธนาคารไทยเครดิต
- ธนาคารยูโอบี
- ธนาคารทิสโก้
- เจ ฟินเทค
- บัตรเดอะวัน เครดิต การ์ด
- บัตรอิออน
- บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์
- บัตรยูเมะพลัส
- เงินกู้สมใจ
- เมืองไทย แคปปิตอล
- บัตรเครดิตเทสโก้ โลตัส
- บริษัทเอเชีย เสริมมิตร ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
และสถานบริการทางการเงินกว่า 20 แห่งที่ยังไม่ได้เอ่ยชื่อมา ณ ที่นี้ ซึ่งทุกฝ่ายต่างจับมือร่วมกันเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาหนี้สินต่าง ๆ ให้หมดสิ้นไป ซึ่งหากคุณยังลังเลที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการกับคลินิกแก้หนี้ ยังมีเวลาตัดสินใจไปจนถึงปีหน้า ซึ่งคลินิกแก้หนี้ 2564 ก็ยังคงดำเนินงานต่อเนื่องกันไป เพราะไม่ใช่แค่การแก้ปัญหา แต่หากคุณสมัครคลินิกแก้หนี้แล้ว จะยังคงได้รู้จักเรียนรู้และวางแผนการใช้จ่ายต่อไปในอนาคตอีกด้วย